ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์

ล่าสุด

สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

1. – เมืองซีเชน อิตซา เขตยูคาทาน เม็กซิโก (Chichen Itza)

ชิเชน อิตซา คาบสมุทรยูคาทาน เม็กซิโกชิเชน อิตซา เป็นภาษามายาแปลว่า ต้นทางแห่งความสุขสบายของประชาชน ชิเชน อิตซาเป็นวิหารที่โด่งดังที่สุดของชนเผ่ามายา ถือเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอารยธรรมมายา การผสมผสานทางโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างหลากหลายชนิด ของชิเชน อิตซาทั้งพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคาน (เทพเจ้าสูงสุดของชาวมายาซึ่งเป็นผู้สร้างมนุษย์) วิหารชัค มุล (รูปปั้นซึ่งเป็นศิลปะแบบมายา) ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสาหลายพันต้นและลานกว้างที่ใช้เป็นที่ชุมนุมของประชาชนในอดีตนั้น แสดงให้เห็นถึงความพิเศษในเชิงสถาปัตยกรรมด้านการจัดวางองค์ประกอบของเนื้อที่และพื้นที่ใช้สอย โดยเฉพาะในส่วนของพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคานซึ่งถือเป็นพีระมิดแห่งสุดท้าย และเป็นพีระมิดที่กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรมมายาด้วย

2. – รูปปั้นพระเยซูคริสต์ บนยอดเขาเมืองริโอ เดอ จานิโร บราซิล (Christ Redeemer)

รูปปั้นของพระเยซูที่โปรดให้พ้นบาป ยืนสูง 30 เมตร (98 ฟุต) และกำลังมองข้ามเมือง Rio de Janeiro หนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุดในโลก รูปปั้นพระเยซูเยืนยื่นแขนออกมาต้อนรับ และเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนี้ พัฒนาโดยวิศวกร Heitor da Silva Costa และองค์กร สร้างขึ้นในปี 1921 โครงการทำเกือบ 5 ปีจึงเสร็จสิ้น

รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado (ภูเขา Hunchback) และตั้งในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2326 ฟุต) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiro และชายหาดของ Rio de Janeiro นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิด และวิวที่สวยงามมากมาย
3.– กำแพงเมืองจีน (Great Wall)

กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) เป็นกำแพงกั้นเมือง และกั้นประเทศตามพรมแดนด้านเหนือของจีน เป็นกำแพงที่ยาวใหญ่มหึมา มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร (10 ฟุต) มีความสูงจากพื้นด้านล่างตั้งแต่ 8 เมตร ถึง 9 เมตร (20-30 ฟุต หนา15-25 ฟุต)

ได้รับขนานนามว่า กำแพงหมื่นลี้ เพราะมีความยาวถึง 14,600 ลี้ (ราว 6,700 กิโลเมตร) บนกำแพงทุกๆ ระยะ 200 เมตร (300 ฟุต) จะมีหอหรือป้อมสำหรับตรวจเหตุการณ์ มีป้อมมากกว่า 15,000 แห่ง สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตรถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวนเพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ

เริ่มสร้างระหว่างปี 243-252 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ (จิ๋นซีฮ่องเต้) มีการสร้างต่อเติมอีกหลายครั้ง ใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศนับจำนวนล้าน มีผู้เสียชีวิตเรือนหมื่น อีกทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างชนิดเดียวในโลกที่สามารถมองเห็นได้จากดวงจันทร์

4.สนามโคลอสเซียม กรุงโรม อิตาเลียน (Colosseum)

ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสนามกีฬากลางแจ้ง สิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ สร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ.ที่ 72-80 ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น

ภายในมีอัฒจันทร์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจันทร์และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป
หรือไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตายก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมาก ปีๆ หนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

5.เปตรา ประเทศจอร์แดน

5.เปตรา ประเทศจอร์แดน

 
     เปตราเป็นภาษากรีก มีความหมายว่าหิน เมืองโบราณเปตราตั้งอยู่ในทะเลทราย เป็นเมืองหลวงของชนเผ่านาบาเชียนซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนในสมัยก่อน สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์อาเรตัสที่ 4 (9 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.40) ชาวนาบาเชียนสร้างเมืองแห่งนี้โดยใช้วิธีการแกะสลักหินให้เป็นช่องอุโมงค์ โรงละครของเมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นต้นแบบของโรงละครแบบกรีก-โรมันมีเนื้อที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 4,000 คน ส่วนหน้าของวิหารเอล เดียร์ ซึ่งสูง 42 เมตร ในเมืองแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีอีกแห่งหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบกรีกโบราณที่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้

6.ทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย

ทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย

 
     ทัชมาฮาลสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชาห์ จาฮัน เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดซึ่งเสียชีวิตขณะมีอายุได้เพียง 39 ชันษาหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรคนที่ 14 ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศักราช 1631-1648 สร้างโดยใช้หินอ่อนสีขาวทั้งหลัง รวมทั้งใช้วัสดุในการตกแต่งชั้นเลิศจากทั่วเอเชียซึ่งขนส่งโดยใช้ช้างกว่า 1,000 ตัว ทัชมาฮาลได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะแบบมุสลิมที่สวยงามสมบูรณ์แบบมากที่สุดในอินเดีย นอกจากนี้ ทัชมาฮาลยังเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดของอินเดีย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมทัชมาฮาลราวปีละเกือบ 3 ล้านคน

7.มาชูปิกชู ประเทศเปรู

 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิ ปาชาคูเทค ยูปันกี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอินคา ได้สร้างเมืองแห่งหนึ่งบนภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกชื่อว่า มาชู ปิกชู (มีความหมายว่าภูเขาโบราณ) ปัจจุบันอยู่ในประเทศเปรู ที่ตั้งของเมืองนี้ค่อนข้างกันดารยากที่จะเข้าถึง โดยตั้งอยู่บนที่ราบสูงแอนดิส ลึกเข้าไปในป่าอเมซอนและอยู่เหนือแม่น้ำอุรุบัมบา ซึ่งภายหลังชาวอินคาได้อพยพออกจากเมืองนี้เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้น หลังจากอาณาจักรอินคาล่มสลายจากการพ่ายแพ้สงครามให้กับชาวสเปน เมืองแห่งนี้ก็ได้หายสาบสูญไปกว่า 3 ศตวรรษ จนกระทั่งได้รับการค้นพบใหม่โดยฮิราม บิงแฮม นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2454



ฟยอร์ด

หลายคนอาจจะอาจสงสัยว่า ฟยอร์ด (Fiord หรือ Fjord) คืออะไร Fiord คือชายฝั่งที่เว้าแหว่ง ที่ถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะเข้าไปในหุบเขาในระดับที่ลึกบริเวณตอนในของแผ่นดิน เมื่อธารน้ำแข็งละลาย น้ำทะเลก็เข้ามาแทนที่ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์เรียกได้ว่า ผืนน้ำใน Fiordland ถูกจัดว่าสวยที่สุดในนิวซีแลนด์เลยก็ว่าได้ วิวทิวทัศน์ถูกธรรมชาติตกแต่งด้วยสิ่งมีชีวิตในป่า น้ำตก ทะเลสาบที่ใสราวกับคริสตัล และภูเขาสูงตระหง่าน อย่างงดงามเกินคำบรรยาย

Milford Sound

อาจเป็นเพราะธรรมชาติที่สวยงาม หรือความยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าของคนที่เคยได้ไปสัมผัสทำให้ Milford Sound ทำให้เกือบจะได้ครองตำแหน่งสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงเลย และ แม้เวลาที่ฝนตก Milford ยังคงงดงาม พอๆ กับเวลาที่ท้องฟ้าสดใส ย้งคงความงดงามเหมือนเดิม
วิธีที่จะได้สัมผัสความสวยงามของ Milford นั้น จะใช้วิธีการล่องเรือ และด้วยระยะทางถึง 16 กิโลเมตร ไปจนเกือบถึงทางออกทะเล Tasman รับรองเลยว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มจนไม่อาจลืมการท่องเที่ยวครั้งนี้เลย

Doubtful Sound

Doubtful Sound มีความยาวเป็นอับดับที่สองใน Fiordland มีความยามถึง 40 กิโลเมตร และมีทิวทัศน์ที่สวยงามยัมองไปทางไหนก็เห็นแต่ธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้ไป Fiordland เมื่อร่องเรือเข้าชม ทั้ง Milford และ Doubtful Sound จะได้พบกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด เช่น นกเพนกวิน แมวน้ำ ปลาโลมา และถ้าโชคดีบางครั้งอาจจะได้เห็นปลาโลมาว่ายน้ำเล่นไปพร้อมกับเรืออย่างมีชีวิตชีวา

Te Anau

เป็นเมืองที่อยู่ใจกลาง Fiordland จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินป่าลัดเลาะไปตามทะเลสาบ ใน Milford, Kelper และ Hollyford ดื่มด่ำกับภาพวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่ขาวโพลนปกคลุมด้วยหิมะ นอกจากนี้ ยังสามารถล่องเรือเพื่อเข้าชมถ้ำหนอนเรืองแสง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น และนี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างแท้จริง

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ : ดอกไม้น้ำแข็ง

Ice Flowers เป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกร็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็น ช่อดอกไม้สีขาง กลีบบางผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง

สาเหตุ ของการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติดอกไม้น้ำแข็ง

   * ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง เป็นหนึ่งในรูปแบบของแผ่นน้ำแข็ง ที่เพึ่งก่อตัวขึ้นใหม่
   * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว ( Saturated Water Vapors ) ที่แทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง
   * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว สัมผัสกับอากาศเย็นจัดด้านบนก็จะเริ่มก่อตัวเป็นเกร็ดน้ำแข็ง
   * ส่วนเกลือบนที่อยู่บนผิวของเกร็ดน้ำแข็งก็จะเกิดการตกผลึก เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบนผิวของเกร็ดน้ำแข็ง
   * 
ผลึกเกลือที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนแกนให้ให้ไอน้ำอิ่มตัว ที่เหลือเกาะเป็นเกร็ดน้ำแข็งใหม่ขึ้นสลับไปมาจนซ้อนทับกันจนคล้าย กลีบดอกไม้

ประวัติของชั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ชื่อ รวิสรา วงศ์สวัสดิ์

ชื่อเล่น แพร

อยู่ โรงเรียน สภาราชินี จังหวัดตรัง

ชั้นม.3/4 เลขที่ 35

เกิด วัน ที่ 9 กัน ยา ยน 2538

ที่ อยู่ 142 หมู่ 1 ตำบลหนองตรุด อำเภอ เมือง จังหวัดตรั

ชอบ สี เขียว ฟ้า แดง

ชอบ นิชคุณ หรเวชคุณ

รัก เพื่อน ทุกคนน่ะ ม.3/4

ภูเขาไฟระเบิด


ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห้นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า”จุดร้อน” ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา

สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด

กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้ แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสตร์.2534.

สิ่งที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ

หลายคนเชื่อว่าลาวาเป็นวัตถุชิ้นแรกที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทั้งนี้ในระยะแรกอาจพ่นเอาเศษหินขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากเรียกว่า”ลาวา บอมบ์”(Lava bomb)ส่วนเถ้าถ่านและ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นต่อมาอย่างปกตินอกจากนั้นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟยังปล่อยเอาก๊าซออกมาอีกด้วยดังจะกล่าวในรายละเอียด ตามลำดับดังนี้

เนื่องด้วยลาวาที่มีปริมาณซิลิกาต่ำหรือลาวาที่มีองค์ประกอบเป็นบะซอลต์ปกติจะมีความเหลวมากและไหลเป็นชั้นบางๆแผ่เป็นแผ่นกว้างเหมือนลิ้นตัวอย่างบนเกาะฮาวาย ลาวาจะไหลออกมาด้วยความเร็ว 30 km./h บนพื้นที่ที่ชันมาก อย่างไรก็ตามความเร็วแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยปกติพบว่ามีความเร็ว 10 – 300 m./h ในทางกลับกันการเคลื่อนที่ของลาวาที่มีซิลิกาสูงจะช้ากว่า เมื่อลาวาบะซอลต์ของการปะทุแบบฮาวายเอียนแข็งตัวมันจะมีผิวเรียบบางทีเป็นคลื่น(Wrinkle)ในขณะที่ลาวาด้านในใต้พื้นผิวซึ่งยังหลอมอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไป ลักษณะนี้เรียกว่า “การไหลแบบ ปาฮอยฮอย (Pahoehoe flow)” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับริ้วเชือกบิดลาวาบะซอลตืทั่วๆไปจากแหล่งอื่นมักมีผิวขรุขระ เป็นแท่ง ขอบไม่เรียบแหลมคมหรือมีหนามยื่นออกมาเรียกว่า”อาอา(Aa)”ซึ่งเกิดจากลาวาประเภทนี้เช่นกันอาอาที่กำลังไหลออกมาจะเย็นและหนาขึ้นอยู่กับความชันของ ภูมิประเทศที่มันไหลมามีความเร็วของการไหลประมาณ 5-50m./h นอกจากนั้นก๊าซที่ออกมาจะทำให้ผิวของลาวาที่เย็นแตกออกและให้รูหรือช่องว่างขนาดเล็ก ที่มีปากรูเป็นหนามแหลมคมเมื่อลาวาแข็งตัวแล้ว การจำแนกภูเขาไฟตามรูปร่าง
ปกติจะมีการจำแนกภูเขาไฟตามรูปร่าง ตามส่วนประกอบที่ทำให้เกิด และชนิดของการประทุ โดยสรุปแล้วเราจะจำแนกภูเขาไฟได้ 3 ลักษณะคือ

กรวยภูเขาไฟสลับชั้น (Composit Cone Volcano) เป็นภูเขาไฟซึ่งเกิดจากการสลับหมุนเวียนของชั้นลาวา และเศษหิน ภูเขาไฟชนิดนี้อาจจะดันลาวาไหลออกมาเป็นเวลานาน และจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการประทุอย่างกระทันหัน ภูเขาไฟชนิดนี้ที่มีชื่อ เช่น ภูเขาไฟฟูจิ (ญี่ปุ่น), ภูเขาไฟมายอน (ฟิลิปปินส์) และ ภูเขาไฟเซนต์เฮเลน (สหรัฐฯ)
ภูเขาไฟรูปโล่ (Shield Volcano) เป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ โดยพื้นฐานแล้วภูเขาไฟชนิดนี้เกิดจาก ลาวาชนิดบาซอลท์ที่ไหลด้วยความหนืดต่ำ ลาวาที่ไหลมาจากปล่องกลาง และไม่กองสูงชัน เหมือนภูเขาไฟชนิดกรวยสลับชั้น ภูเขาไฟชนิดนี้มักจะเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ เช่น ภูเขาไฟ Muana Loa (ฮาวาย)
กรวยกรวดภูเขาไฟ (Cinder Cone) ภูเขาไฟชนิดนี้จะสูงชันมาก และเกิดจากลาวาที่พุ่งออกมาทับถมกัน ลาวาจะมีความหนืดสูง การไหลไม่ต่อเนื่อง และมีลักษณะเป็นลาวาลูกกลมๆ ที่พุ่งออกมาจากปล่องเดี่ยว และทับถมกันบริเวณรอบปล่อง ทำให้ภูเขาไฟชนิดนี้ไม่ค่อยก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตมากมาย
ผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟ
แรงสั่นสะเทือน มีทั้งการเกิดแผ่นดินไหวเตือน แผ่นดินไหวจริง และแผ่นดินไหวติดตาม ถ้าประชาชนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเชินภูเขาไฟอาจหนีไม่ทันเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
การเคลื่อนที่ของลาวา อาจไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟเคลื่อนที่รวดเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มนุษยและสัตว์อาจหนีภัยไม่ทันเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
เกิดเถ้าภูเขาไฟ บอมบ์ภูเขาไฟ ระเบิดขึ้นสู่บรรยากาศ ครอบคลุมอาณาบริเวณใกล้ภูเขาไฟ และลมอาจพัดพาไปไกลจากแหล่งภูเขาไฟระเบิดหลายพันกิโลเมตร เช่น ภูเขาไฟพินาตูโบระเบิดที่เกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์
ฝุ่นภูเขาไฟยังมาตกทางจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดสงขลา นราธิวาส และปัตตานี เกิดมลภาวะทางอากาศและแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน รวมทั้งฝุ่นภูเขาไฟได้ขึ้นไปถึงบรรยากาศขั้นสตราโตสเฟียร์ ใช้เวลานานหลายปี ฝุ่นเหล่านั้นตึงจะตกลงบนพื้นโลกจนหมด

เกิดคลื่นสึนามิ ขณะเกิดภูเขาไประเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร คลื่นนี้จะโถมเข้าหาฝั่งสูงกว่า 30 เมตร
หลังจากภูเขาไฟระเบิด เถ้าภูเขาไฟจะถล่มลงมา ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงถูกทำลาย

ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห้นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า”จุดร้อน” ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา

 

 

 

 

 

 

 

สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด

กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้ แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสตร์.2534.


สิ่งที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ หลายคนเชื่อว่าลาวาเป็นวัตถุชิ้นแรกที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทั้งนี้ในระยะแรกอาจพ่นเอาเศษหินขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากเรียกว่า”ลาวา บอมบ์”(Lava bomb)ส่วนเถ้าถ่านและ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นต่อมาอย่างปกตินอกจากนั้นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟยังปล่อยเอาก๊าซออกมาอีกด้วยดังจะกล่าวในรายละเอียด

ภูเขาไฟ (volcano) คือช่องระบายของเปลือกโลกที่ให้หินหลอมเหลวและผลจากภูเขาไฟ

ต่าง แทรกซอนผ่านขึ้นมาได้ ภูเขาไฟและปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น พุแก๊ส (fumeroles) และ พุน้ำร้อน (hot spring) ล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหนึ่งในบรรดากระบวนการทางธรณีวิทยาทั้งหลายและรวมถึงปรากฏการณ์ที่ได้เกริ่นไว้ในบทที่ผ่านมาโดยทั่วไปภูเขาไฟมีรูปทรงกรวยที่เรียกว่า ปากปล่องภูเขาไฟ (crater) รูปกรวยอยู่เหนือปล่องภูเขาไฟ (ภาพที่ 4-10 ) ได้ผ่านต่อลงไปทางลำปล่องหรือรางท่อถึงห้องโถงหินหนืดใต้โลก และในช่วงที่ปะทุ ไอน้ำ ฝุ่น เถ้าธุลีภูเขาไฟ (ash) ก้อนหิน หินหลอมเหลว เรียกว่า ลาวา พวยพุ่งคละคลุ้งขึ้นจากปล่อง ซึ่งห้องโถงหินหนืดอยู่ลึกลงไปใต้ผิวโลกเป็นแอ่งที่บรรจุวัสดุหินหลอมเหลวร้อนระอุ ซึ่งอาจทั้งแทรกซอนสู่เปลือกโลกหรือปะทุขึ้นมาบนพื้นผิว มี 2 ลักษณะ คือ ปะทุพ่น (effusive) และ ปะทุระเบิด (explosive)

(1) การกระจายของภูเขาไฟ

ภูเขาไฟบนโลกปรากฏแออัดอยู่ในแดนหรือเขตภูมิศาสตร์ได้กำหนดชัดเจน เขตภูเขาไฟ

เหล่านี้ปรากฏแน่นขนัดมากที่สุดในพื้นที่ภายในเปลือกโลกไม่เสถียรหรือย่านปรากฏการณ์ก่อเทือกเขาในสมัยปัจจุบัน เรียกว่า วงแหวนแห่งไฟ (ring of fire) แบ่งออกได้สองแนวหลัก คือ แนววงรอบแปซิฟิก(circum-Pacific belt) และ แนววงรอบเมดิเตอร์เรเนียน (circum-Mediterranean belt) ซึ่งทั้งสองนี้มักเกิดร่วมกับรอยเลื่อนขนาดใหญ่หรือเขตรอยแตกบนเปลือกโลก (ภาพที่ 4-11)

แนววงรอบแปซิฟิกถือว่าสำคัญที่สุดในสองเขตหลัก ตั้งอยู่รอบมหาสมุทรแปซิฟิก เขต

นี้ประกอบด้วยภูเขาไฟอเมริกาใต้และอเมริกากลาง อะลาสกา บรรดาหมู่เกาะญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ส่วนแนววงรอบเมดิเตอร์เรเนียนแผ่ขยายไปทางทิศตะวันออกตก ประกอบด้วยภูเขาไที่ลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน อินเดียตะวันตก ฮาวายและอะซอร์ส (Azores) นอกจากแนววงรอบทั้งสองนี้ ภูเขาไฟก็ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิกและอินเดีย เกาะไอซ์แลนด์และในแอนตาร์กติก 

ปรากฏการณ์ภูเขาไฟ

                 ปรากฏการณ์ภูเขาไฟ แบ่งออกเป็น ภูเขาไฟมีพลัง (active volcanoes) ภูเขาไฟสงบ (dormant volcanoes) และ ภูเขาไฟดับสนิท (extint volcanoes) ภูเขาไฟที่อยู่ในสภาวะมีการปะทุอย่างต่อเนื่องหรือขาดหายไปเป็นช่วงให้จัดเป็นภูเขาไฟมีพลัง    เช่น ภูเขาไฟเอ็ตนา (Etna) ในเกาะชิชิลีตอนใต้ประเทศอิตาลี ส่วนภูเขาไฟที่ปัจจุบันไม่มีพลัง แต่ได้เคยปะทุขึ้นในอดีต เรียกว่า ภูเขาไฟสงบเช่น ภูเขาไฟวิสุเวียสในอิตาลี ที่ได้ปะทุขึ้นและสงบมานานหลายศตวรรษ ส่วนภูเขาไฟที่ไม่มีการปะทุอีกในอดีตกาล เรียกว่า ภูเขาไฟดับสนิท ในประเทศไทยมีภูเขาไฟดับสนิทหลายแห่ง เช่นที่ อำเภอเมาะ จังหวัดลำปาง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เช่น เขากระโดง เขาไปรบัด                    ภูอังคาร เขาพนมรุ้งอันเป็นที่ตั้งประสาทหินเขาพนมรุ้ง

ผลจากภูเขาไฟระเบิด

        เมื่อภูเขาไฟปะทุได้พ่นวัสดุออกมาหลากหลาย ซึ่งอาจแปรผันได้ตั้งแต่เป็นแก๊สต่าง

จนถึงเศษหินขนาดมหึมา หรืออยู่ในส่วนประกอบ 3 สถานะ คือ แก๊ส ของเหลว และของแข็ง

 1. แก๊ส

แก๊สที่พวยพุ่งออกมาจากภูเขาไฟส่วนใหญ่ประกอบด้วย ไอน้ำที่มีปริมาณหลากหลาย

ของคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สไข่เน่า และคลอรีน ในช่วงมีการปะทุแก๊สที่เล็ดลอดอาจผสมรวมกันเข้ากับฝุ่นภูเขาไฟปริมาณมาก และบ่อยครั้งที่พวยพุ่งจากปากปล่องภูเขาไฟมีกลุ่มควันดำโขมง ซึ่งอาจมองเห็นได้หลายกิโลเมตร เช่น ภูเขาไฟกรากะตัว (Krakatoa) ระเบิดเมื่อ .. 2426 ที่ช่องแคบสุมาตรา ระหว่างเกาะชวากับเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย

2. ของเหลว

ของเหลวที่ได้จากภูเขาไฟคือ ลาวา ปริมาณของหินหลอมเหลวร้อนระอุ โดยทั่วไปลาวา

ปะทุจากปากปล่องบนยอดภูเขาไฟ แต่พบไม่บ่อยที่ลาวาได้แตกทะลักออกมาทางด้านข้างปล่องและเล็ดลอดออกมาตามรอยแตกที่ได้พัฒนาตัวมาตามเขตพังทลายง่ายในเหล่าบรรดาลาวามีสมบัติทางเคมีและทางกายภาพต่างกัน และสมบัติเหล่านี้อาจสะท้อนถึงรูปแบบภูเขาไฟปะทุ นอกจากนี้องค์ประกอบทางเคมีขอu3591 .ลาวาก็มีอิทธิพลต่อความหนืด ซึ่งส่งผลกระทบอัตราและระยะทางในการไหลหลาก และยังผลต่อถึงรูปทรงกรวยภูเขาไฟได้เช่นกัน และจะทำให้มีบางสิ่งบนโครงสร้างผิวของหินที่เกิดขึ้น เมื่อหินที่หลอมเหลวแข็งตัว